บุรีรัมย์.... เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม
อำเภอประโคนชัย
ปราสาทเมืองต่ำ บุรีรัมย์
ประวัติ
ปราสาทเมืองต่ำสร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 16 ในศิลปะปาปวนตอนต้น และลดความสำคัญลงไปในราวพุทธศตวรรษที่ 18 และถูกทิ้งร้างในที่สุด จนเมื่อราวปี พ.ศ. 2490 จึงเริ่มมีการอพยพเข้ามาของชาวบ้าน มาตั้งถิ่นฐานในบริเวณนี้อีกครั้งหนึ่ง
ปราสาทเมืองต่ำ ตั้งอยู่บริเวณหน้าวัดปราสาทบูรพาราม ตำบลจระเข้มาก อำเภอประโคนชัย จังหวัดบุรีรัมย์ โดยคำว่า เมืองต่ำ นี้ไม่ใช่ชื่อดั้งเดิม แต่เป็นชื่อที่ชาวพื้นเมืองเรียกโบราณสถานแห่งนี้ เพราะปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ในที่ต่ำกว่าปราสาทพนมรุ้ง โดยมวลสารวัตถุจากโบราณสถาน และโบราณวัตถุในที่นี้ รัชกาลที่ 9 ได้ทรงนำมาเป็นส่วนประกอบในการทำพระสมเด็จจิตรลดา
ลักษณะทางสถาปัตยกรรม
ปราสาทแถวหลังทิศใต้(ซ้าย) และปราสาทแถวหลังทิศเหนือ(ขวา)ปราสาทเมืองต่ำน่าจะเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไวษณพนิกาย เพราะถึงแม้ได้มีการขุดพบศิวลึงค์ แต่ภาพสลักส่วนมากที่ปราสาทนี้ ล้วนเป็นภาพเกี่ยวกับการอวตารของพระนารายณ์ อีกทั้งเป็นปราสาทน้ำล้อม ซึ่งเป็นลักษณะของไวษณพนิกาย ต่างจากปราสาทบนภูเขาของไศวนิกาย
ปราสาทเมืองต่ำมีปรางค์ประธานห้าองค์บนฐานเดียวกัน เช่นเดียวกับปราสาทศีขรภูมิ โดยแต่ละองค์มีรายละเอียดดังนี้
ปรางค์ประธาน
ปรางค์ประธานปัจจุบันได้ถล่มลงมาแล้ว พบเพียงฐานเป็นศิลาแลง และหน้าบันซึ่งสลักจากหินทราย เป็นภาพพระอินทร์ทรงช้างเอราวัณ ศิลปะปาปวน สันนิษฐานว่าตัวปราสาทเป็นปราสาทหินทราย
ปราสาทประกอบ
ปราสาทประกอบอีก 4 หลังเป็นปราสาทอิฐ ปัจจุบันได้รับการบูรณะในสภาพสมบูรณ์ และมีหน้าบันด้านหน้าอยู่ครบ โดยปราสาทแถวหลังองค์ทิศใต้ มีหน้าบันเป็นภาพพระวรุณเทพประทับเหนือหงษ์ ปราสาทแถวหลังองค์ทิศเหนือเป็นภาพพระกฤษณะ (ร่างอวตารของพระวิษณุ) ยกภูเขาโควรรธนะ ปราสาทแถวหน้าองค์ทิศใต้เป็นภาพพระอินทร์ ปางมหาราชลีลาสนะ (นั่งชันเข่า) ประทับเหนือหน้ากาล ส่วนปราสาทแถวหน้าองค์ทิศเหนือ เป็นภาพพระศิวะคู่พระอุมา ประทับบนโคนนทิในปาง อุมามเหศวร
ปราสาทบ้านบุ หรือธรรมศาลา
หรือบ้านมีไฟ
อำเภ
ตั้งอยู่ในโรงเรียนบ้านบุวิทยาสรรค์ ตำบลจระเข้มาก
การเดินทางใช้เส้นทางเดียวกับทางไป ปราสาทเมืองต่ำ
โดยปราสาทบ้านบุจะอยู่ริมทางหลวงหมายเลข 2221
ห่างจากทางแยกเข้าปราสาทเมืองต่ำไปทางประโคนชัย 1.5 กม.
ลักษณะของตัวปราสาท
มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมของสิ่งก่อสร้างที่เชื่อกันว่าเป็นที่พักสำหรับคนเดินทาง
(นักแสวงบุญ) ตามที่กล่าวถึงในจารึกประวัติศาสตร์พระขรรค์ ประเทศกัมพูชา
ลักษณะเป็นอาคารรูป สี่เหลี่ยมผืนผ้ากว้าง 5.10 เมตร ยาว 11.50 เมตร
ก่อด้วยศิลาแลง กรอบประตูหน้าต่างทำด้วย ศิลาทราย หันหน้าไปทางทิศตะวันออก
มีประตูเข้า-ออกเชื่อมติดกับองค์ปรางค์ทางด้านหน้า ภายในมีแท่นวางรูปเคารพอยู่
1 แท่น พบชิ้นส่วนทับหลัง สลักภาพพระพุทธรูปปางสมาธิในซุ้ม เรือนแก้ว 2 ชั้น
ซึ่งเป็นหลัก ฐานยืนยันอายุการสร้างและลัทธิทางศาสนาในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7
ห่างจากอาคารประมาณ 4 เมตร
มีร่องรอยกำแพงก่อด้วยแลงเหลือเป็นแนวเสมอพื้นดินพอให้รู้ขอบเขต
กุฏิฤาษีหนองบัวราย หรือ ปราสาทหนองกง
อยู่ห่างจากเชิงเขาพนมรุ้งไปทางทิศ ใต้ประมาณ 2.8 กม.
ตามเส้นทางพนมรุ้ง-ประโคนชัย มีสิ่งสำคัญคือ
ปรางค์
สร้างด้วยศิลาแลง เป็นรูปสี่เหลี่ยมย่อมุมกว้าง 5 เมตร
มีประตูด้านหน้าอยู่ทางตะวันออก ส่วนทาง ทิศเหนือ ทิศใต้ และทิศตะวันตก
ทำเป็นประตูหลอก ศิลาทับหลังประตูมุขจำหลัก เป็นพระพุทธรูปปาง
สมาธินั่งอยู่เหนือเศียรเกียรติ มุข มือทั้งสองของเกียรติมุขจับพวงมาลัย
ยอดปรางค์ทำย่อเป็นบัวเชิงบาตร 4 ชั้น แต่ละชั้นมีกลีบขนุนศิลา
จำหลักลายและรูปภาพตั้งประดับ
กำแพง
ก่อด้วยแลง ประตูกำแพงทำอย่างประตูซุ้มอยู่ทางทิศตะวันออก
ส่วนริมทางข้างซ้ายมีเนินดินสูง ประมาณ 2 เมตร กว้างประมาณ 3-4 เมตร
เป็นคันยาวเหยียดไปไม่น้อย กว่า 1 กม. บนสันเนินมีราก ฐานสิ่งก่อสร้างขนาดย่อมๆ
อยู่ 2-3 ตอน ห่างจากสันเนินออกไปเล็กน้อยมีหนองน้ำ กว้างใหญ่ เรียกว่า
หนองบัวราย (บำราย) หรือสระเพลง
แหล่งหินตัด
ตั้งอยู่ในเขตอำเภอบ้านกรวด บริเวณเขากลอยและเขากระเจียว การเดินทางใช้เส้นทาง สายบุรีรัมย์-ประโคนชัย
ทางหลวงหมายเลข 219 ต่อด้วยทางสายประโคนชัย-บ้านกรวด ทางหลวง หมายเลข 2075
เดินทางตั้งอยู่ในเขตอำเภอบ้านกรวด บริเวณเขากลอยและเขากระเจียว การเดินทางใช้
เส้นทางสายบุรีรัมย์-ประโคนชัย ทางหลวงหมายเลข 219
ต่อด้วยทางสายประโคนชัย-บ้านกรวด ทาง หลวงหมายเลข 2075
เดินทางเลยบ้านกรวดไปทางละหานทราย 6 กม. มีแยกซ้ายเข้าแหล่งหินตัดอีก 2 กม.
ทางลาดยางตลอดสาย
แหล่งหินตัดนี้ เป็นแหล่งหินทรายที่คนสมัยขอม ตัดเอาไปสร้าง ปราสาทต่างๆ
ในเขตอีสานใต้ ทั่วบริเวณ มีหินทรายก้อนใหญ่น้อยเรียงรายอยู่ทั่วไป
บางก้อนยังมีร่องรอย สกัดหินปรากฏอยู่ นอกจากนั้น บริเวณนี้ยัง
เป็นสถานปฏิบัติธรรมของวัดสวนธรรมศิลา ได้รับการดูแลและ
ปรับปรุงสถานที่ให้สะอาดสวยงาม และมี
ทางเดินจากแหล่งหินตัดไปยังจุดชมวิวบนยอดเขา
แหล่งเตาโบราณ
ตั้งอยู่ที่โรงเรียนบ้านกรวดวิทยาคาร ระหว่างหลักกม.ที่ 21-22
ทางหลวง หมายเลข 2075 ห่างจากตัวเมือง 66 กม.
นักโบราณคดีได้สำรวจพบเตาเผา และเครื่องปั้นดินเผา
โบราณจำนวนมาก พบว่ามีอายุประมาณพุทธศตวรรษที่ 14-19
โดยเตาเผาเหล่านี้ ได้ผลิตเครื่องถ้วยเขมร
เพื่อเป็นสินค้าป้อนให้กับเมืองต่างๆ ในกัมพูชา
และในภูมิภาคต่างๆ โดยมีการทำอุตสาหกรรมขนาด ใหญ่โต
และขยายขอบเขตการผลิตไปยังพื้นที่ใกล้เคียงอีกด้วย
กรมศิลปากรได้ทำการขุดแต่งเตาโบราณ 2 แห่งคือ เตาสวายและเตานายเจียน ซึ่งอยู่ห่างจาก อำเภอบ้านกรวดเป็นระยะทาง 5 และ 10 กม. ตามลำดับ ส่วนเครื่องปั้นดินเผาที่ขุดพบสามารถชมได้ที่ หอศิลปกรรมบ้านกรวด ในบริเวณที่ว่าการอำเภอ บ้านกรวด
กรมศิลปากรได้ทำการขุดแต่งเตาโบราณ 2 แห่งคือ เตาสวายและเตานายเจียน ซึ่งอยู่ห่างจาก อำเภอบ้านกรวดเป็นระยะทาง 5 และ 10 กม. ตามลำดับ ส่วนเครื่องปั้นดินเผาที่ขุดพบสามารถชมได้ที่ หอศิลปกรรมบ้านกรวด ในบริเวณที่ว่าการอำเภอ บ้านกรวด
อำเภอเมือง
วนอุทยานเขากระโดง, บุรีรัมย์
อ่างเก็บน้ำกระโดง
อ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก
วัดกลางบุรีรัมย์
เป็นวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองบุรีรัมย์มาแต่โบราณ มีประวัติเล่าว่าสมัยกรุงธนบุรี
เจ้าพระยามหากษัตริย์ศึก นำทัพไปปราบเจ้าเมืองนางรอง ซึ่งเป็นกบฏ
และได้หยุดพักทัพที่บริเวณนี้ ซึ่งมีสระน้ำขนาดใหญ่แห่ง หนึ่ง
ปัจจุบันเชื่อกันว่าเป็นสระน้ำศักดิ์สิทธิ์อยู่ในวัดกลางบุรีรัมย์
และทางราชการได้มีประกาศยกวัด กลางบุรีรัมย์เป็นพระอารามหลวง
แห่งแรกของบุรีรัมย์เมื่อปี พ.ศ. 2533
ศูนย์วัฒนธรรมจังหวัดบุรีรัมย์
ตั้งอยู่ในบริเวณสถาบันราชภัฏบุรีรัมย์ เป็นแหล่งเก็บรวบรวมและจัด แสดง โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุอันมีค่าทางประวัติศาสตร์ รวมทั้งเป็นแหล่งที่จะค้นคว้าวิจัยเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ โบราณคดี และศิลปวัฒนธรรมของท้องถิ่น จังหวัดบุรีรัมย์ได้ทำพิธีเปิดศูนย์แห่งนี้เมื่อวันที่ 16 เมษายน 2536 และเปิดให้นักท่องเที่ยวและผู้สนใจเข้าชมได้ทุกวันในเวลาราชการ
อำเภอเฉลิมพระเกียรติ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น