สัตว์เลี้ยงที่ผมสนใจ

           แมว เราจะนึกถึงสัตว์เลี้ยงตัวเล็ก น่ารัก ขี้อ้อนและแสนซนจนทำให้เจ้าของหลงรักและเลี้ยงไว้เสมือนเป็นสมาชิกหนึ่งใน ครอบครัว ซึ่งแมวนั้นก็มีหลากหลายสายพันธุ์ แต่สำหรับแมวพันธุ์ไทยแท้ คนกลับไม่นิยมเลี้ยงเหมือนแมวพันธุ์ต่างประเทศ และแทบจะไม่มีใครรู้เลยว่า ปัจจุบันแมวพันธุ์ไทย เหลืออยู่เพียง 4 สายพันธุ์เท่านั้น คือ วิเชียรมาศ ศุภลักษณ์ โกนจา และสีสวาด

           ทั้ง นี้ เพื่อเป็นการเผยแพร่ความรู้แก่เด็กเยาวชนและประชาชนทั่วไปที่มีความสนใจ เกี่ยวกับเรื่องแมวไทย กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์   ได้จัดเสวนาเรื่อง "แมวไทย อีกสัญลักษณ์หนึ่งของชาติไทย"  ซึ่งได้มีการเผยแพร่ประวัติความเป็นมาของแมวไทยโบราณพันธุ์แท้ว่า ตามหลักฐานที่ปรากฏในสมุดข่อยโบราณ กล่าวไว้ว่าแมวไทยมีทั้งหมด 23 ชนิด เป็นแมวมงคล 17 ชนิด และแมวร้ายให้โทษ 6 ชนิด

         แมวมงคล 17 ชนิด มีดังนี้





         1. นิลรัตน์

              ลักษณะ สีดำทั้งตัว รวมถึงเล็บ ลิ้น ฟัน ดวงตา และกระดูก หางยาวตวัดได้จนถึงหัว เลี้ยงไว้แล้วเชื่อว่าจะมีความเจริญ มีทรัพย์ ปราศจากอันตราย


  " นิลรัตน์" เเมวไทยมงคลที่หาย
นิลรัตน์ - มีสีดำปลอดตลอดทั้งตัว สีเหมือนกับน้ำหมึก แถมส่วนต่างๆของร่างกาย
ได้แก่ นัยน์ตา ฟัน ลิ้น เเละเล็บก็ต้องสีดำด้วยส่วนหางก็ยาวตวัดได้ถึงหัว ในตำราดูลักษณะเเมว
ได้ระบุถึงคุณที่มีแก่ผู้เลี้ยงไว้ว่า " ผู้ใดเลี้ยงไว้จะได้เป็นเศรษฐีหรืออำมาตย์มนตรี


บทกวีที่กล่าวถึงแมวนิลรัตน์

                                               สมยานามชาติเชื้อ    นิลรัตน์
                                             กายดำสิทธิสามรรถ    เลิศพร้อม
                                            ฟันเนตรเล็บลิ้นทัต    นิลคู่ กายนา
                                          หางสุดเรียวยาวน้อม    นอบโน้มเสมอเศียร

บทกวีที่กล่าวถึงแมวนิลรัตน์

สมยานามชาติเชื้อ
นิลรัตน์
กายดำสิทธิสามรรถ
เลิศพร้อม
ฟันเนตรเล็บลิ้นทัต
นิลคู่ กายนา
หางสุดเรียวยาวน้อม
นอบโน้มเสมอเศียร

                                                   

        2. วิลาศ

              ลักษณะ มี ลำตัวสีดำจากคอไปตลอดท้อง จากสองหูไปจนถึงหางและขาทั้งสี่มีสีขาว ตาสีเขียว เชื่อว่าเลี้ยงไว้แล้วจะได้เป็นเจ้าคนนายคน มีเงินทองมากมาย

แมววิลาศ มีสีดำเกือบทั้งตัว ขนเรียบ ยกเว้นใบหูทั้ง 2 ข้าง ปากล่างลงมาถึงหน้าอก ปลายเท้าทั้ง 4 และจากท้ายทอยบนหลังจนถึงปลายหางมีสีขาว หางเรียวยาว นัยน์ตาสีเข้ม รูปร่างสวยงามน่ารัก ใครเลี้ยงจะได้เป็นเจ้าคนนายคน มีทรัพย์สินบริบูรณ์

บทกวีที่กล่าวถึงแมววิลาศ

ราวคอทับถงาดท้อง
สองหู
ขาวตลอดหางดู
ดอกฝ้าย
มีเสวตรสี่บาทตรู
สองเนตร์ เขียวแฮ
งามวิลาศงามคล้าย
โภคพื้น กายดำ





พันธฺุ์ศุภลักษณ์
         3. ศุภลักษณ์ หรือ ทองแดง
                  
            

           แมวศุภลักษณ์ เรียกอีกชื่อว่า แมวทองแดง มีสีทองแดงหรือน้ำตาลแดงเข้มทั่วตัว อาจมีสีเข้มเป็นพิเศษตำแหน่งเดียวกับแมววิเชียรมาศ แมวทองแดงมีรูปร่างขนาดกลาง สง่า น้ำหนักตัวพอประมาณ ขายาวเรียวฝ่าเท้าอวบ ศีรษะค่อนข้างกลมกว้าง ด้วยสีขนออก น้ำตาลเข้ม เหมือนกับสีของทองแดง มีตาสีออกเหลือง หรือ สีอำพัน หนวดมีสีเหมือนลวดทองแดง และบริเวณตามส่วนของร่างกาย เช่นหน้า หู ปลายขา และ หางจะมีสีน้ำตาลเข้มกว่าบริเวณลำตัวทั่วๆไป แมวพันธุ์ศุภลักษณ์จะมีสีสันสะดุดตาอย่างมาก และ มีความสวยงาม สมกับคำว่า "ศุภลักษณ์" ที่แปลว่าลักษณะที่ดี ว่ากันว่าแมวชนิดนี้เป็นแมวที่ได้ติดตามเจ้าของที่เป็นคนไทยซึ่งถูกกวาดต้อน ไปเป็นเชลยศึกที่พม่า เมื่อความนิยมได้แพร่หลายมากขึ้น ชาวต่างชาติจึงได้นำไปจดทะเบียนเป็นแมวสายพันธุ์หนึ่งของโลก โดยใช้ชื่อว่า เบอร์มีส (Burmese) แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าต้นกำเนิดอยู่ที่เมืองไทย


            แมวศุภลักษณ์ เป็นแมวที่มีความกระตือรือร้นอยู่เสมอ อยากรู้อยากเห็น ชอบผจญภัย รักอิสรเสรีเหนืออื่นใด ชอบสนใจสิ่งต่าง ๆ รอบตัว กับคนแปลกหน้าแล้วมันดูจะเป็นแมวที่ร้ายพอสมควร
ปัจจุบัน ในเมืองไทยหายากมากแต่มีทั่วไปในอเมริกาและอังกฤษ ซึ่งได้มีการพัฒนาผสมพันธุ์กัน จนได้แมวในลักษณะ สีอื่น ๆ มากมาย ทำนองคล้ายพันธุ์วิเชียรมาศที่แยกออกไปถึง 8 พันธุ์
แมวศุภลักษณ์ เป็นแมวโบราณที่บุคคลชั้นสูงมักจะเลี้ยงกัน เพราะเป็นแมวที่ดี ผู้ใดได้ครอบครองจะร่ำรวย และจะความสุข สุขภาพดี การงานรุ่งเรื่อง ดังนั้นบุคคลชั้นสูงในสมัยก่อนจึงนิยมเลี้ยงแมวพันธุ์นี้

ลักษณะโดยทั่วไป

ลักษณะที่เป็นข้อเด่น


  • ลักษณะสีขน : ขนสั้น สีน้ำตาลเข้มคล้ายสีสนิม (สีทองแดง) บริเวณส่วนหู ใบหน้า ปลายขา หาง จะมีสีน้ำตาลเข้มกว่าบริเวณลำตัวทั่วๆ ไป

  • ลักษณะของส่วนหัว : ค่อนข้างกลมและกว้าง หนวดมีสีเหมือนลวดทองแดง หูใหญ่

  • ลักษณะของนัยน์ตา : แมวชนิดนี้จะมีดวงตาออกเป็นลักษณะเหลืองๆ หรือออกสีอำพัน หนวดของแมวศุภลักษณ์จะมีสีแวววาวเหมือนกับลวดทองแดงเลยทีเดียว

  • ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายหางแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขาวยาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว

ลักษณะที่เป็นข้อด้อย

ขนยาวเกินไป สีอ่อนเกินไป มีแต้มสีขาวปน เช่น ที่บริเวณหน้าอก หรือช่องท้อง มีไม่สม่ำเสมอ เช่น มีลายเห็นเป็นทางตามลำตัว โดยเฉพาะตามใบหน้า ขาและหาง นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป (เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว ) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี

บทกวีที่กล่าวถึงแมวศุภลักษณ์


วิลาศุภลักษณ์ล้ำ
วิลาวรรณ
ศรีดังทองแดงฉัน
เพริศแพร้ว

แสงเนตรเฉกแสงพรรณ
โณภาษ
กรรษสรรพโทษแล้ว
สิ่งร้ายคืนเกษม


                                                     


         4. เก้าแต้ม


            แมวเก้าแต้ม เป็นแมวสีขาว มีสีดำแต้มสีดำรวมเก้าแห่ง คือ บริเวณหัว คอ โคนขาหน้าและโคนขาหลังหลังทั้ง 4 ข้าง ไหล่ทั้ง 2 ข้าง และโคนหาง ลักษณะแต้มสีดำนี้จะเป็นวงกลมหรือปื้นเหลี่ยมก็ได้ ปลายหางเรียวยาว สีขาว ใครได้แมวเก้าแต้มไว้เลี้ยงดูก็จะทำให้การค้าขายรุ่งเรือง ร่ำรวย คนไทยโบราณมักเลี้ยงไว้ในพระราชสำนัก 
            ลักษณะ มีสีขาวเป็นพื้น มีแต้มสีดำเก้าจุดที่คอ หัว ต้นขาหน้าและหลังทั้งสองข้างและที่ท้ายลำตัว เชื่อว่าเลี้ยงไว้แล้วจะรุ่งเรืองทางการค้าขาย
แมวเก้าแต้ม จะมีขนสีขาวทั่วลำตัว และจะมีสีดำแต้มตามส่วนต่างๆเก้าแห่งอันได้แก่
1.บริเวณหัว
2.คอ
3.โคนขาหน้าด้านซ้าย
4.โคนขาหน้าด้านขวา
5.โคนขาหลังด้านซ้าย
6.โคนขาหลังด้านขวา
7.ไหล่ด้านซ้าย
8.ไหล่ด้านขวา
9.โคนหาง

บทกวีที่กล่าวถึงแมวเก้าแต้ม

สลับดวงคอโสตรัตต้น
ขาหลัง
สองไหล่กำหนดทั้ง
บาทหน้า
มีโลมดำบดบัง
ปลายบาท สองแฮ
เก้าแห่งดำดุจม้า
ผ่าพื้นขาวเสมอ

ลักษณะแต้มสีดำเป็นได้ทั้งวงกลมและเหลี่ยม หากผู้ใดได้เลี้ยงดูหรือครอบครองแมวเก้าแต้ม เชื่อว่าจะทำให้เกิดความเจริญรุ่งเรือง แมวเก้าแต้มจะนำพาความโชคดีมาสู่ผู้เลี้ยง 


                                                                    
         5. มาเลศ หรือ แมวโคราช หรือ สีสวาด

              ลักษณะ มีขนสีดอกเลาเปรียบเสมือนกับเมฆสีเทายามฟ้ายับฝน มีนัยน์ตาหยาดเยิ้มประหนึ่งน้ำค้างย้อยต้องกลีบบัว ใครพบเร่งให้อุปถัมภ์ แมวนั้นจักนำมาซึ่งสุขสวัสดิ์มงคล



             แมวโคราช หรือ แมวมาเลศ ต้นกำเนิดพบที่อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา หรือที่รู้จักกันในนามว่าโคราช มีหลักฐานบันทึกเกี่ยวกับแมวโคราชในสมุดข่อยที่เขียนขึ้นในระหว่างปี ค.ศ. 1350-1767 หรือประมาณ พ.ศ. 1893-2310 ในบันทึกได้กล่าวถึงแมวที่ให้โชคลาภที่ดี 17 ตัวของประเทศไทย รวมถึงแมวโคราชด้วย ปัจจุบันสมุดข่อยนี้ถูกเก็บไว้ที่หอสมุดแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร

            แมวเพศผู้มีสีเหมือนดอกเลา จึงเรียก แมวสีดอกเลา โดยจะต้องมีขนเรียบ ที่โคนขนจะมีสีขุ่น ๆ เทา ในขณะที่ส่วนปลายมีสีเงิน เป็นประกายคล้ายหยดน้ำค้างบนใบบัว หรือเหมือนคนผมหงอก

ชื่อแมวโคราช เป็นชื่อที่ได้รับพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โดยใช้แหล่งกำเนิดของแมวเป็นชื่อเรียกพันธุ์แมว มีเรื่องเล่ามากมายหรือเป็นตำนานเล่าขานเกี่ยวกับแมวโคราช รวมถึงตำนานพื้นบ้านที่กล่าวถึงการที่แมวโคราชมีหางหงิกงอมากเท่าไหร่จะมี โชคลาภมากเท่านั้น (แม้ว่าลักษณะหางหงิกงอไม่ใช่มาตรฐานพันธุ์ตามหลักของ CFA ก็ตาม) แต่คนไทยบางกลุ่มจะเรียกแมวโคราชว่า แมวสีสวาด

แมวโคราชได้ถูกนำไปเลี้ยงในสหรัฐอเมริกาเป็นครั้งแรกโดย Cedar Glen Cattery ในรัฐออริกอน โดยได้รับมาจากพี่น้องชื่อ นารา (Nara) และ ดารา (Darra) ในวันที่ 12 มิถุนายน ปี พ.ศ. 2502 ประมาณเดือนมีนาคม ปี พ.ศ. 2509 นักผสมพันธุ์แมวโคราชและแมวไทย (วิเชียรมาศ) ชาวรัฐแมริแลนด์ ได้นำแมวโคราชประกวดในงานประจำปีและ ได้รับรางวัลชนะเลิศและเป็นที่รู้จัก

ปัจจุบันได้มีการผลักดันให้แมวโคราชขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์ประจำชาติไทย ในปี พ.ศ. 2552

ลักษณะโดยทั่วไป

ลักษณะที่เป็นข้อเด่น

  • ลักษณะสีขน : ขนสั้น สีสวาด (silver blue) ทั่วทั้งตัวและเป็นสีสวาดตั้งแต่เกิดจนตาย
  • ลักษณะของส่วนหัว : หัวเมื่อดูจากด้านหน้าจะเป็นรูปหัวใจ หน้าผากใหญ่และแบน หูตั้ง ในแมวตัวผู้หน้าผากมีรอยหยักทำให้เป็นรูปหัวใจเด่นชัดมากขึ้น หูใหญ่ตั้ง ปลายหูมน โคนหูใหญ่ ผิวหนังที่บริเวณจมูกและริมฝีปากสีเงิน หรือม่วงอ่อน
  • ลักษณะของนัยน์ตา : นัยน์ตาสีเขียวสดใสเป็นประกาย หรือสีเหลืองอำพัน ขณะยังเป็นลูกแมวตาจะเป็นสีฟ้า เมื่อโตขึ้นจะค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองสด และเมื่อเติบโตเต็มที่ตาจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวใบไม้ หรือสีเหลืองอำพัน
  • ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อย ๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว
คนสมัยโบราณมีความเชื่อว่า แมวสีสวาดเป็นแมวนำโชคลาภของคนโคราช และคนเลี้ยงทั่ว ๆ ไป จะนำมาซึ่งความสุขสวัสดิมงคลแก่ผู้เลี้ยง แมวสีสวาดเคยประกวดชนะเลิศในระดับโลกมาแล้วในปี พ.ศ. 2503 ที่สหรัฐอเมริกา เป็นแมวตัวเมียชื่อว่าสุนัน และเป็นที่นิยมของชาวต่างประเทศมาก จึงนับว่าแมวไทยได้ทำชื่อเสียงให้แก่ประเทศไทยเป็นอันมาก

ลักษณะที่เป็นข้อด้อย

ขนยาวเกินไป มีสีอื่นปน นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป (เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี

บทกวีที่กล่าวถึงแมวมาเลศ

วิลามาเลศพื้น
พรรณกาย
ขนดังดอกเลาราย
เรียบร้อย
โคนขนเมฆมอปลาย
ปลอมเสวตร
ตาดั่งน้ำค้างย้อย
หยาดต้องสัตบง




        

         6. แซมเศวต
            แมวแซมเสวตร แปลว่า "แซมสีขาว" เป็นแมวชนิด นี้มีขนสีดำ แซมด้วยสีขาวไปทั้งตัว แต่ขนบางและค่อนข้างสั้น รูปร่างบางเพรียว ตามีสีเขียวเหมือนแสงหิ่งห้อย เดิมทีเคยเชื่อว่าสูญพันธุ์ไปแล้ว แต่เมื่อไม่กี่ปีมานี้ได้พบอีกครั้ง 

บทกวีที่เกี่ยวกับแมวแซมเสวตร


ขนดำแซมเสวตรสิ้น
สรรพภางค์
ขนคู่โลมกายบาง
แบบน้อย

ทรงระเบียบสำอาง
เรียวรุนห์ งามนา
ตาดั่งแสงหิ่งห้อย
เปรียบน้ำทองทา






         7. รัตนกัมพล

             ลักษณะ ตัวขาวเหมือนหอยสังข์ แต่รอบตัวตรงส่วนอกมีลักษณะคล้ายสายคาดสีดำ ตาสีเหลือง เชื่อว่าเลี้ยงแล้วจะมียศ ผู้อื่นยำเกรง


บทกวีที่เกี่ยวข้องกับแมวรัตนกำพล                                               สมยากาเยศย้อม    สีสังข์
                                              ชื่อรัตนกำพลหวัง    ว่าไว้
                                              ดำรัดรอบกายจัง    หวัดอก หลังนา
                                              ตาดั่งเนื้อทองได้    หกน้ำเนียรแสง





พันธุ์วิเชียรมาศ
 8. วิเชียรมาศ                                                                 

           แมววิเชียรมาศ ตรงกับความหมายว่า "เพชรแห่งดวงจันทร์" หรือ "Moon Diamond" บางตำราก็เรียก "แมวแก้ว" ซึ่งก็ตรงกับคำว่า "วิเชียร" แมวชนิดนี้มักถูกเข้าใจผิดว่าเป็นแมวเก้าแต้มเสมอ ที่จริงแล้วไม่ถูกต้อง แมวเก้าแต้มคือแมวที่มีสีพื้นสีขาว และมีแต้มบนร่างกาย 9 แห่ง เหตุที่มักเข้าใจผิดเพราะแมววิเชียรมาศ จะมีสีพื้นสีขาวงาช้าง (หรือโบราณจะเป็นขาวล้วนก็ไม่ทราบ) และมีแต้มที่จมูกครอบไปถึงปากเป็นหนึ่งแห่ง กับขาทั้งสี่ หูสอง หางหนึ่ง และที่อวัยวะเพศอีกหนึ่ง รวมเป็น 9 แห่งเช่นกัน ในแมววิเชียรมาศนี้แต้มตามตำราว่าไว้ว่าต้องเป็นสีดำดังหมึกวาด แต่ปัจจุบันเมื่อดูให้ดีแล้วจะเป็นแต้มสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ ไม่ได้ดำสนิท หรือที่ต่างประเทศเรียกว่า Seal brown หรือแต้มสีครั่ง แมววิเชียรมาศเป็นที่รู้จักในต่างประเทศโดยใช้ชื่อว่า แมวสยาม (Siamese Cat) แต่ต่างประเทศจะมีแต้มสีอื่นที่หลากหลายกว่า ซึ่งประเทศไทยจะยอมรับเฉพาะแมวที่มีแต้มสีน้ำตาลเข้มเท่านั้น นัยน์ตาสีฟ้าก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างหนึ่งของแมวชนิดนี้

           แมววิเชียรมาศ เป็นแมวไทยโบราณที่มักเลี้ยงกันในวัง ตั้งแต่สมัยอยุธยา และเป็นแมวมงคลตามตำรา มักกล่าวว่าแมวมงคลคนธรรมดาสามัญชนไม่สามารถเลี้ยงได้ เมื่อสมัยเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่2 แมวไทย 17ชนิดในพระราชวังของกรุงศรีอยุธา ได้ถูกพวกพม่า และเชลย ได้นำไปพม่า เพราะพม่าคิดว่า แมวไทยคือทรัพย์สินที่มีค่าชนิดนึงเนื่องจากแมวไทยในอยุธยาสามารถซื้อขายได้ ถึง 1แสนตำลึงทอง หากใครมีแมวชนิดนี้จึงนำมาขายแก่วัง ซึ่งเป็นต้นเหตุที่ทำให้แมวไทยสูญพันธุ์ หลังจากนั้น แมววิเชียรมาศก็สาบสูญหายไปจากประเทศไทย ต่อมา สมเด็จพุฒาจารย์ พุทธสโร ได้ไปเที่ยวกรุงศรีอยุธยาร้าง แล้วไปเจอสมุดข่อยที่ไม่ถูกเผา จึงนำสมุดข่อยกลับมา แล้วให้คนไปไล่ต้อนจับแมววิเชียรมาศ จนได้แมววิเชียรมาศกลับมาสู่ประเทศไทยอีกครั้ง

ลักษณะที่เป็นข้อเด่น


  • ลักษณะสีขน : ขนสั้นแน่นสีขาว หรือสีน้ำตาลอ่อน มีแต้มสีครั่ง หรือสีน้ำตาลไหม้ที่บริเวณใบหน้า หูทั้งสองข้าง เท้าทั้งสี่ หางและที่อวัยวะเพศ (ทั้งแมวเพศผู้และแมวเพศเมีย) รวม 9 แห่ง ขณะที่อายุยังน้อย หรือเป็นลูกแมว สีขนจะออกสีครีมอ่อนๆ หรือขาวนวล พอโตขึ้นสีจะค่อยๆ เข้มขึ้นตามลำดับจนเป็นสีน้ำตาล (สีลูกกวาด)

  • ลักษณะของส่วนหัว : รูปหัวไม่กลม หรือแหลมเกินไป หน้าผากใหญ่และแบน จมูกสั้น หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว

  • ลักษณะของนัยน์ตา : ตามีสีฟ้า

  • ลักษณะของหาง : หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว

ลักษณะที่เป็นข้อด้อย

ขนยาวเกินไป มีแต้มสีไม่ครบทั้ง 9 แห่ง แต้มสีอื่นที่ไม่ใช่สีน้ำตาลไหม้ นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่นๆ ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นเกินไป (เมื่อยืนขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว ) หางขอด หางหงิกงอ หางสดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี

บทกวีที่กล่าวถึงแมววิเชียรมาศ


ปากบนหางสี่เท้า
โสตสอง
แปดแห่งดำดุจปอง
กล่าวไว้

ศรีเนตรดั่งเรือนรอง
นาคสวาดิ ไว้เอย
นามวิเชียรมาศไซร้
สอดพื้นขนขาว





         9. นิลจักร
           นิลรัตน์ - มีสีดำปลอดตลอดทั้งตัว สีเหมือนกับน้ำหมึก แถมส่วนต่างๆของร่างกาย
ได้แก่ นัยน์ตา ฟัน ลิ้น เเละเล็บก็ต้องสีดำด้วยส่วนหางก็ยาวตวัดได้ถึงหัว ในตำราดูลักษณะเเมว
ได้ระบุถึงคุณที่มีแก่ผู้เลี้ยงไว้ว่า " ผู้ใดเลี้ยงไว้จะได้เป็นเศรษฐีหรืออำมาตย์มนตรี
              


             ลักษณะ มีลำตัวดำสนิท ที่คอมีขนสีขาวอยู่รอบเหมือนกับปลอกคอ เชื่อว่าเลี้ยงแล้วจะมีทรัพย์มาก


บทกวีที่เกี่ยวข้องกับแมวนิลจักร

นิลจักรบอกชื่อช้อย
ลักษณา
กายดุจกลปีกกา
เทียบแท้
เสวตรจอบรัดกรรฐา
โดยที่
เนาประเทศได้แม้
ดั่งนี้ควรถนอม

   

     10. มุลิลา
           

              แมวมุลิลา แมวมุลิลานี้ เป็นแมวขนสีดำ ขนเรียบเป็นมัน แต่บริเวณสองหูเป็นสีขาว นัยน์ตาสีเหลืองราวกลีบดอกเบญจมาศ แมวชนิดนี้ ตำราว่าให้เลี้ยงได้เฉพาะพระสงฆ์ ไม่ควรเลี้ยงตามบ้าน
เหตุผล นั้นคงเป็นเพราะบทกวีที่ว่า หนึ่งด่างสองหูโดยหมาย ตำราท่านทาย ว่าควรจะเลี้ยงแต่สงฆ์ เล่าเรียนสิ่งใดมั่นคง มิได้ลืมหลงสำเร็จดังความปรารถนา
ตำราท่านว่าไว้ เจ้าแมวชนิดนี้ พระสงฆ์ควรจะเลี้ยง ช่วยให้มีจิตใจตั้งมั่นในการเล่าเรียนไม่ออกนอกลู่นอกทาง เล่าเรียนสำเร็จตามปรารถนา  
               
                ลักษณะ ลำ ตัวดำ หูสองข้างมีสีขาว ตามีสีเหลืองเหมือนดอกเบญจมาศ เชื่อว่าแมวชนิดนี้เหมาะกับนักบวชเลี้ยงเพราะช่วยให้มีการเล่าเรียนดีสม ปรารถนา


บทกวีที่เกี่ยวข้องกับแมวมุลิลา

มุลิลาปรากฏแจ้ง
นามสมาน
ใบโสตสองเสวตรปาน
ปักล้วน
ศรีตาผกาบาน
เบญจมาศ เหลืองนา
หางสุดโลมดำถ้วน
บาทพื้นกายเศียร

 


         11. กรอบแว่นหรืออานม้า
          กรอบแว่น หรือ อานม้า เป็นแมวมีขนสีขาวทั้งตัว ยกเว้นกลางหลังนั้นจะมีสีดำเหมือนอานม้าอยู่ และบริเวณขอบตาทั้งสองข้างเป็นสีดำ เหมือนกรอบแว่นตา ใครเลี้ยงไว้จะมีค่ามหาศาล และทำให้มีเกียรติยศชื่อเสียง

บทกวีที่เกี่ยวข้องกับแมวกรอบแว่น

นามกรอบแว่นพื้น
เสวตรผา
ขนดำเวียนวงตา
เฉกย้อม
เหนือหลังดั่งอานอา
ชาชาติ
งามดั่งวงหมึกพร้อม
อยู่ด้าว ใดแสวง

      



   12. ปัดเสวตรหรือปัดตลอด

            แมวปัดเสวตร (อ่านว่า แมว-ปัด-สะ-เวด) หรือ ปัดตลอด แมวชนิดนี้มีขนสีดำเป็นมันราบเรียบ ยกเว้นปลายจมูกจนถึงปลายหางมีขาว ดวงตามีสีเหลืองดั่งพลอยสะท้อนแสง ใครเลี้ยงไว้จะช่วยชูชื่อเสียงวงศ์ตระกูลให้เป็นที่รู้จักทั่วไป   
             ลักษณะ ตัว มีสีดำเป็นพื้น ตั้งแต่จมูกไปตามแนวสันหลังถึงปลายหางมีสีขาว ตาเหลืองคล้ายกับพลอย หากเลี้ยงไว้จะมีความเจริญมากกว่าคนในสกุลเดียวกันและได้ลาภยศ

บทกวีที่เกี่ยวข้องกับแมวปัดเสวตร

ปัศเวตลักษณนั้น
ปลายนา ษาฤๅ
ขาวตลอกหางหา
ยากพร้อม
รลุมเฉกสลับตา
กายเฟพ เดียวแฮ
ตาดั่งคำซายล้อม
บุศน้ำพลอยเหลือง

    

    13. กระจอก
             กระจอก เป็นแมวดำลักษณะคล้ายแมวสิงหเสพย์แต่ ลำตัวอ้วนกลมน่ารักกว่า ขนดำเป็นมัน มีสีขาวที่รอบปากเท่านั้นส่วนอื่นๆ คล้ายกัน นัยน์ตาสีเหลือง ใครเลี้ยงไว้จะได้ทรัพย์สินเงินทอง เป็นไพร่จะได้กลายเป็นนาย

ลักษณะที่เป็นข้อเด่น

  • ลักษณะสีขน ขนสั้น สีดำ มีขนสีขาว รอบจมูก
  • ลักษณะของส่วนหัว รูปหัวกลมไม่ใหญ่มาก หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว
  • ลักษณะของนัยน์ตา นัยน์ตาสีดอกบวบแรกแย้ม (สีเหลืองอมเขียว)
  • ลักษณะของหาง หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว

บทกวีที่เกี่ยวข้องกับแมวกระจอก

มีนามกระจอกนั้น
ตัวกลม งามนา
กายดำศรีสรรพสม
สอดพ้น
ขนขาวเฉกเมฆลม
ลอยรอบ ปากแฮ
ตาประสมศรีชื้น
เปรียบน้ำ รงผสาน


        14. สิงหเสพย์ หรือ โสงหเสพย์

             ลักษณะ ลำตัวมีสีดำ ที่ปาก รอบคอ จมูกมีสีขาว ตาสีเหลือง ท่าทางเดินสง่าเหมือนสิงโต เลี้ยงแล้วมีสิริมงคล

ลักษณะที่เป็นข้อเด่น

  • ลักษณะสีขน ขนสั้น สีดำ มีขนสีขาวรอบจมูก และที่คอ
  • ลักษณะของส่วนหัว รูปหัวกลมไม่ใหญ่มาก หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว
  • ลักษณะของนัยน์ตา นัยน์ตาสีดอกบวบแรกแย้ม (สีเหลืองอมเขียว)
  • ลักษณะของหาง หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว

บทกวีที่เกี่ยวข้องกับแมวสิงหเสพย์

เสนาะโสงหเสพยชื่อเชื้อ
ดำกาย
ขาวที่ริมปากราย
รอบล้อม

เวียนเถลิงสอสังข์ปลาย
ณาษิก อยู่แฮ
ตาดั่งศรีรงย้อม
หยาดน้ำจางแสง
         15. การเวก
    
 

             แมวการเวก เป็นแมวดำอีกชนิดหนึ่ง แต่ไม่ดำหมดทั้งตัว จะมีแต่ปลายจมูกที่มีแต้มสีขาวเล็กน้อย นัยน์ตาทั้งสองข้างสีเหลืองอำพันสดใส ถ้าได้เลี้ยงจะนำโชคลาภมาให้เจ้าของเปลี่ยนฐานะขึ้นไปเรื่อยๆ

บทกวีที่เกี่ยวข้องกับแมวการเวก


มีนามการเวกพื้น
กายดำ
ศรีศรลักษณนำ
แนะไว้

สองเนตรเลื่อมแสงคำ
คือมาศ
ด่างที่ณาษาไซร้
เสวตรล้วนรอบเสมอ

                                                           


        16. จตุบท
            แมวจตุบท เป็นแมวสี ดำ นอกจากปลายเท้าขึ้นมาจนถึงข้อพับทั้งสี่ข้างเป็นสีขาว นัยน์ตาเป็นสีเหลืองคล้ายดอกโสน ตำราว่าแมวชนิดนี้คนธรรมดาไม่ควรเลี้ยง ควรเลี้ยงเฉพาะราชนิกูล หรือเชื้อพระวงศ์เท่านั้น

บทกวีที่เกี่ยวข้องกับแมวจตุบท


จตุบทหมดเฟศน้อม
นามแสดง ไว้นา
โลมสกลกายแสง
หมึกล้าย

สี่บาทพิศเล่ห์แลง
ลายเสวตร
ตาเลื่อมศรีเหลืองคล้าย
ดอกแย้มนาโสรน



        17. โกนจา หรือ ดำปลอด

              ลักษณะ มี สีดำละเอียด นัยน์ตาสีดอกบวบแรกแย้ม หางเรียวยาว ท่าทางการเดินสง่าเหมือนสิงโต แมวนี้เลี้ยงดีมีคุณหนักหนา จงเร่งหามาเลี้ยงเทอญอย่าแคลงสงสัย


          โกนจา หรือ โกญจา (แปลว่า นกกระเรียน หรือ เสียงช้างร้อง)   แมวชนิดนี้เป็นแมวสีดำสนิทตลอดทั้งตัว ขนสั้น ไม่มีสีอื่นใดปะปนเลยแม้แต่น้อย ยิ่งไปกว่านั้นยังมีลักษณะเป็นขนเส้นเล็กละเอียดนุ่มและเรียบตรงทั้งลำตัว ส่วนหัวกลมแต่ไม่โต มีปากเรียวแหลม หูตั้ง นัยตาเป็นสีเหลืองอมเขียวหรือทองอ่อน อาจเปรียบได้กับดอกบวบแรกแย้มหรือทองดอกบวบ รูปร่างสะโอดสะองคล่องแคล่ว หางยาว ปลายหางแหลมตรง อุ้งเท้าทอดคล้ายเท้าสิงห์ มีความสง่างามขณะเคลื่อนไหว
แมวสายพันธุ์โกนจา มีลักษณะคล้ายกับแมวสายพันธุ์ต่างชาติอีกสายพันธุ์หนึ่ง คือ บอมเบย์

ลักษณะโดยทั่วไป

ลักษณะที่เป็นข้อเด่น

  • ลักษณะสีขน ขนสั้น สีดำตลอดทั้งตัว
  • ลักษณะของส่วนหัว รูปหัวกลมไม่ใหญ่มาก หูใหญ่ ตั้งสูงเด่นบนส่วนหัว
  • ลักษณะของนัยน์ตา นัยน์ตาสีดอกบวบแรกแย้ม (สีเหลืองอมเขียว)
  • ลักษณะของหาง หางยาว ปลายแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อย ๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขายาวเรียวได้สัดส่วนกับลำตัว

ลักษณะที่เป็นข้อด้อย

ขนยาวมากเกินไป ขนมีสีอื่นปะปน นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป ( เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว ) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี

บทกวีที่กล่าวถึงแมวโกนจา

กายดำคอสุดท้อง
ขาขนเลเอียดเฮย
ตาดั่งศรีบวบกล
ดอกแย้ม
โกนจาพนนิพนธ์
นามกล่าว ไว้นา
ปากแลหางเรียวแฉล้ม
ทอดเท้าคือสิงห์


        แมวร้ายให้โทษ 6 ชนิด มีดังนี้

                                                    


    1. ทุพพลเพศ

              ลักษณะ มี ขนสีขาว ดวงตาสีแดงดั่งโลหิตทาตาไว้ มีนิสัยไม่ดีชอบลักขโมยปลาไปกินทุกคำคืน ใครเลี้ยงไว้จะให้โทษไม่เป็นสุขเกิดความเดือดร้อนแรงผลาญ



บทกวีที่เกี่ยวข้องกับแมวทุพลเพศ


ตัวขาวตาเล่ห์ย้อม
ชานสกา
หนึ่งดั่งโลหิตทา
เนตรไว้

ปลอมลักคาบมัศยา
ทุกค่ำ คืนแฮ
ชื่อทุพลเพศให้
โทษร้อนแรงผลาญ

                                                   


  2. พรรณพยัคฆ์หรือลายเสือ

            แมวพรรณพยัคฆ์ หรือ แมวลายเสือ มีลักษณะคล้ายเสือ มีขนสีมะกอกเขียว หรือมะกอกแดง หยาบกระด้าง นันย์ตาสีแดงดั่งสีเลือด เสียงร้องโหยหวนเหมือนเสียงผีโป่งร้องตามป่าเขา ชอบหลบซ่อนตามที่มืดในเวลากลางวัน ไม่ควรนำมาเลี้ยง เพราะจะทำให้เกิดความเดือดร้อน

บทกวีที่เกี่ยวข้องกับแมวพรรณพยัคฆ์


มีพรรณพยัฆเพศพื้น
ลายเสือ
ขนดั่งชุบครำเกลือ
แกลบกล้อง

สีตาโสตรแสงเจือ
เจิมเปือก ตาแฮ
เสียงดั่งผีโป่งร้อง
เรียกแคว้นพงไสล

  


       3. ปีศาจ

            แมวปีศาจ โบราณถือว่าสัตว์เลี้ยงเพศเมีย ถ้าคลอดลูกออกมาแล้วกินลูกตัวเอง ไม่ว่าสุนัขหรือ แมวห้ามเลี้ยงเด็ดขาด แมวชนิดนี้มีรูปร่างเหมือนผีร้าย ตัวผอม หนังเหี่ยวยาน หางขอดนันย์ตาสีแดงเลือด ชอบหลบตามที่มืด กลางวันเซื่องซึม กลางคืนกลับว่องไวปานผีร้าย

บทกวีที่เกี่ยวข้องกับแมวปีศาจ


ปิศาจจำพวกนี้
อาจินต โทษนา
เกิดลูกออกกิน
ไป่เว้น

หางขดดั่งงูดิน
ยอบขนด
ขนสยากรายเส้น
ซูบเนื้อยานหนัง

      

         4. หิณโทษ

              ลักษณะ เป็นแมวนำมาซึ่งสิ่งเลวร้าย นำภัยพิบัติมาสู่บ้าน ใครเลี้ยงไว้จะไม่เป็นมงคล ออกลูกมามักจะมีลูกตายอยู่ในท้อง

บทกวีที่เกี่ยวข้องกับแมวหิณโทษ


หิณโทษโหจชาติเชื้อ
ลักษณา
เกิดลูกตายออกมา
แต่ท้อง

สันดานเพศกายปรา-
กฎโทษ อยู่แฮ
ไภยพิบัติพาลต้อง
สิ่งร้ายมาสถาน

                                              

          5. กอบเพลิง

              ลักษณะ เป็นแมวที่ลึกลับชอบซ่อนตัวหลบหลีกผู้คน พอมันเห็นคนมันจะเดินหรือรีบวิ่งหนี ใครเลี้ยงไว้จะมีโทษถึงตัว

บทกวีที่เกี่ยวข้องกับแมวกอบเพลิง


มักนอนยุ้งอยู่ซุ้ม
ขนกาย อยู่นา
เห็นแต่คนเดินชาย
วิ่งคล้าย

กอบเพลิงกำหนดหมาย
นามบอก ไว้เอย
ทรลักษณชาติค่างร้าย
โทษแท้พลันถึง

                                            
ไฟล์:Thainepsneart.jpg

       6. เหน็บเสนียด

              ลักษณะ มีลักษณะเหมือนค่าง ชอบเอาหางขดซ่อนไว้ใต้ก้นเสมอ มีรูปร่างพิกลพิการ อย่าเลี้ยงไว้ในบ้านจะทำให้เสียชื่อเสียงและเกียรติยศ

บทกวีที่เกี่ยวข้องกับแมวเหน็บเสนียด


เหน็บเสนียดโทษร้าย
เริงเข็ญ
ด่างที่ทุยหางเห็น
โหดร้าย

ทรงรูปพิกลเบญ
จาเพศ
แมวดั่งนี้อย่าไว้
ถิ่นบ้านเสียศรี

      
แมวไทยโบราณที่ไม่ได้มีบันทึกไว้ในสมุดข่อย



        
            แมวขาวมณี หรือ ขาวปลอดเป็นสายพันธุ์ที่พบเห็นได้มากสุดในปัจจุบัน เป็นแมวไทยโบราณที่ไม่ได้มีบันทึกไว้ในสมุดข่อย จึงเชื่อว่าเป็นแมวที่เพิ่งกำเนิดในต้นยุครัตนโกสินทร์นี่เอง นิยมเลี้ยงไว้ในราชสำนักครั้งหนึ่งในสมัยรัชกาลที่ 5 แมวชนิดนี้เป็นที่โปรดปราณมาก ในต่างประเทศนิยมเลี้ยงกันเป็นคู่เพื่อให้ผลัดกันทำความสะอาดขน เป็นแมวที่ค่อนข้างเชื่อง เหมาะสำหรับการเลี้ยงเป็นเพื่อนได้เป็นอย่างดี
          ลักษณะเด่น   ของขาวมณีคือสีขนและผิวกายขาวสะอาด ขนสั้น นุ่ม รูปร่างลำตัวยาวขาเรียว ทรงเพียวลม ไม่อ้วนหรือผอมเกินไป หัวไม่กลมโต แต่เป็นทรงสามเหลี่ยมคล้ายหัวใจ หน้าผากแบนใหญ่ หูขนาดใหญ่และตั้งตรงจมูกสั้น ดวงตาจะรีเล็กน้อยนัยน์ตาเป็นสีฟ้าหรือเหลืองอำพันสีใดสีหนึ่งเมื่อนำแมวขาว มณีตาสีฟ้า ผสมกับแมวขางมณีตาสี อำพัน ลูกที่ออกมาจะมีตาสองสี คือ สีฟ้าข้างหนึ่งและสีเหลืองอำพันข้างหนึ่ง ซึ่งเป็นลักษณะที่ถูกควบคุมโดยยีนด้อยใน แมวขาวมณีแทบทุกตัวจะมีจุดด้อย เช่น ถ้ามีตาสองสีมักมีตาข้างหนึ่งที่ไม่ดี อาจมองเห็นไม่ชัดหรือมองไม่เห็นเลย ถ้าแมวตาสีฟ้ามักจะหูพิการ หรือไม่ได้ยินเสียงมากนัก และแมวตาสีเหลืองอำพันมักมีต่อมขนที่ไม่ดี
จุดด้อย     อีกข้อของแมวขาวมณีคือความไม่ขาวปลอด มีสีใดสีหนึ่งแซมเข้ามา รวมถึงตาสองข้างเป็นคนละสีกัน (Odd eyes) หรือเป็นสีอื่นสีใดที่ไม่ใช่สีฟ้าหรือเหลืองอำพัน ก็ไม่เป็นที่ยอมรับ (อย่างไรก็ตาม ในต่างประเทศนั้นกลับนิยมแมวขาวมณีที่มีตาคนละสีมากกว่าตาสีเดียว) เช่นเดียวกับขนที่ยาวมากเกินขนาด หางคด หางขอด หางงอและ หางสั้น
แมวขาวมณี ได้เข้าสู่สหรัฐอเมริกาเมื่อปี ค.ศ. 1999 โดยเจเน็ท โฮลเซ่น หญิงชาวอเมริกันซึ่งเป็นผู้มีตาสองสีและมีผมสีอ่อน เพื่อเป็นของขวัญแก่ลูกสาวบุตรธรรมชาวไทย ที่ก็เป็นผู้พิการทางหู ปัจจุบันก็มีผู้เพาะพันธุ์รายนี้เพียงรายเดียวเท่านั้นในสหรัฐอเมริกา

ลักษณะโดยทั่วไป


ลักษณะที่เป็นข้อเด่น


  • ลักษณะสีขน ขนสั้นแน่นและอ่อนนุ่ม สีขาวไม่มีสีอื่นปน สีผิวหนังเป็นสีขาวปลอดทั้งตัว
  • ลักษณะของส่วนหัว รูปร่างไม่กลม หรือแหลมเกินไป แต่คล้ายรูปหัวใจ ผน้าผากใหญ่และแบน จมูกสั้น หูตั้งใหญ่
  • ลักษณะของนัยน์ตา นัยน์ตาสีฟ้า หรือสีเหลืองอำพัน
  • ลักษณะของหาง หางยาว ปลายหางแหลมชี้ตรง โคนหางใหญ่และค่อยๆ เล็กเรียวกลมไปจนสุดปลายหาง ขาวยาวเรียวได้สัดส่วนกับลำ

ลักษณะที่เป็นข้อด้อย

ขนมีสีอืนปน นัยน์ตาสองข้างเป็นคนละสี หรือเป็นสีอื่น ตาเอียง จมูกหัก หูไม่ตั้ง หางสั้นมากเกินไป (เมื่อยืดขาหลังให้ขนานกับหาง ความยาวของหางสั้นกว่าขาเกิน 3 นิ้ว ) หางขอด หางหงิกงอ หางสะดุด ปลายหางคด ดุเกินไป เลี้ยงลูกไม่ดี

สายพันธุ์

มี 2 สายพันธุ์

  1. สายพันธุ์ตาสีเหลืองอัมพัน
  2. สายพันธุ์ตาสีฟ้า
ถ้าเอาทั้งสองสายพันธุ์มาผสมกัน จะเกิดเป็นแมวตาสองสี คือข้างหนึ่งสีเหลือง อีกข้างหนึ่งสีฟ้า

 เนื่อง จากประเทศไทยไม่ได้มีการอนุรักษ์แมวไทยอย่างจริงจังและต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันนี้แมวมงคลสูญพันธุ์ไปแล้วถึง 13 ชนิด หลงเหลือให้คนรุ่นหลังได้ชมเพียง 4 ชนิดเท่านั้น ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายมากที่พันธุ์แมวไทยแท้เหลือน้อยลงทุกวัน เพราะคนไทยมองข้ามแมวไทยหันไปเลี้ยงแมวสายพันธุ์ของต่างประเทศเป็นจำนวนมาก แต่สถานการณ์แมวไทยน่าเป็นห่วงเพราะเด็กและแม้แต่ผู้สูงอายุบางคนยังไม่ รู้จักแมวไทย โดยราคาค่าตัวแมวไทยปัจจุบันจะอยู่ที่ 5,000-6,000 บาท

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น